ภาพการแข่งขัน | วีดีโอคลิป
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,948 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 23.00 น. วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน 2549
ผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เวบบ์
แฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ทั้งหัวเราะและร้องไห้ เพราะแม้ว่าทีมรักจะไม่สามารถเก็บสามแต้มมาได้ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถรักษาระยะห่างระหว่างเชลซีได้ 3 แต้มเท่าเดิม เมื่อทั้งสองทีมเสมอกันไป 1 – 1
แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำก่อน 1 – 0 ในช่วงครึ่งแรกโดยการทำประตูของหลุยส์ ซาฮา แต่ก็ถูกตีเสมอได้ในครึ่งหลังโดยลูกโหม่งของริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ จบเกมดูเหมือนทีมเชลซีจะพอใจกับผลการแข่งขันที่ออกมา ซึ่งสามารถเก็บ 1 แต้มได้จากโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในเกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคงใช้นักเตะชุดเดิมที่พ่ายต่อ เซลติก 1 – 0 เมื่อกลางสัปดาห์ ซึ่งชุดนี้ถือว่าเป็นชุดที่แข็งแกร่งที่สุดในสายตาของหลายๆ คน ส่วนเชลซีได้มีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากนัดกลางสัปดาห์ที่พ่ายต่อ แวร์เดอร์ เบรเมน 2 คน คือ ส่งแลมพาร์ด และคาร์วัลโญ่ ลงเล่นแทนโจ โคล และกาลิด บูลาห์รูซ
เริ่มเกมเพียงไม่ถึง 60 วินาทีก็มีจังหวะฟาล์วครั้งแรกในเกม ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิก และโรนัลโด้ รับหน้าที่ยิงฟรีคิก บอลเข้าหัวเวย์น รูนี่ย์ แต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพื่อฉลองการต่อสัญญาได้
ในนัดนี้ดูเหมือนผู้ตัดสิน โฮเวิร์ด เวบบ์ จะงานยุ่งกว่าผู้รักษาประตูของทั้งสองทีม เมื่อตั้งแต่เริ่มเกมมิดฟิลด์ของทั้งสองทีมก็ต่อสู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ทั้งการที่ โคล ปะทะกับโรนัลโด้ และรูนี่ย์ ต้องปะทะกับมาเกเลเล่ แต่ผู้ตัดสินก็ทำเพียงแค่ตักเตือน แต่ในที่สุดก็ต้องแจกใบเหลืองให้กับ โคล้ด มาเกเลเล่ ในนาทีที่ 20
ไม่กี่นาทีถัดมา บัลลัค ก็ทำแฮนด์บอล ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ดได้ฟรีคิก และโรนัลโด้ ก็ยิงได้ดี ซึ่งก็พอๆ กับคูดิชินี่ ซึ่งก็ป้องกันได้ดีด้วย ทำให้เชลซียังไม่เสียประตู
แต่อย่างไรก็ดี จากการบุกอย่างต่อเนื่องในาทีที่ 29 แมนฯ ยูไนเต็ดก็ได้ประตูขึ้นนำ จากจังหวะที่ รูนี่ย์ เปิดบอลผ่านแผงมิดฟิลด์ของเชลซี ให้กับ หลุยส์ ซาฮา ซึ่งก้มหน้าก้มตาแต่งบอลเข้าเท้าซ้ายและปั่นบอลผ่านมือผู้รักษาประตูเชลซีเข้าประตูไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1 – 0
หลังจากจังหวะทำประตูที่สวยงามเพียงไม่กี่นาที ก็มีจังหวะฟาวล์น่าเกลียดเมื่อ ดร็อกบา ชักข้อศอกใส่ วิดิช ในจังหวะที่แย่งกันโหม่ง ทำให้ศูนย์หน้าเชลซีได้รับใบเหลือง
และในที่สุดจังหวะแรกของเชลซีก็มาถึง เมื่อเฌเรมี่ ได้ยิงแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ก็ปัดออกไปได้ จังหวะต่อมาผู้รักษาประตูชาวดัทช์ก็ยังต้องออกแรงป้องกันลูกยิงของ แลมพาร์ด หมดครึ่งแรกเชลซีก็ยังไม่สามารถตีเสมอได้ ซึ่งเป็นนัดแรกในฤดูกาลที่ทีมของมูรินโญ่ ต้องตามหลังในช่วงพักครึ่ง
เริ่มเกมครึ่งหลังเชลซีเริ่มเปลี่ยนตัวผู้เล่นโดยส่งอาร์เยน ร็อบเบน ลงเล่นแทนเฌเรมี่
การต่อสู้ในกองกลางยังคงดำเนินต่อไป และนั่นก็ทำให้มีใบเหลืองเกิดขึ้นอีก 1 ใบในนาทีที่ 54 เมื่อคาร์ริค เข้าไปทำฟาวล์ แฟร้งค์ แลมพาร์ด เพื่อนร่วมทีมชาติอังกฤษ
ในช่วงครึ่งหลังเชลซีเริ่มครองบอลและทำเกมได้มากขึ้น แต่ลูกยิงของพวกเขาก็ยังไม่สามารถผ่านมือฟาน เดอร์ ซาร์ ไปได้ ทั้งลูกยิงของแลมพาร์ด ก็ข้ามคานออกไป ส่วนลูกโหม่งของดร็อกบา ก็หลุดออกนอกกรอบไปเพราะถูกกดดันโดย ริโอ เฟอร์ดินานด์
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของสนาม คาร์วัลโญ่ ก็ต้องเคลียร์ลูกยิงของ โรนัลโด้ ตามด้วยการป้องกันประตูของ คูดิชินี่ จากลูกยิงของ กิ๊กส์
แต่แล้วในนาทีที่ 69 คาร์วัลโญ่ ผู้เล่นจากแนวรับ ก็ขึ้นมาเป็นผู้ทำประตูให้ทีม จากจังหวะที่เชลซีได้ลูกเตะมุม แลมพาร์ด มายังคาร์วัลโญ่ ได้โหม่งเข้าหัว ซาฮา และบอลก็เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ซึ่งถ้าดูจากภาพช้าแล้วก็คล้ายๆ กับว่าซาฮาจะเป็นผู้โหม่งเข้าประตูตัวเอง แต่อย่างไรก็ดี ประตูนี้ก็ยกความดีความชอบให้ คาร์วัลโญ่
หลังเสียประตู แมนฯ ยูไนเต็ดก็พยายามเอาคืน แต่ลูกยิงของซาฮาก็ถูกบล็อคโดย เทอร์รี่ และเมื่อลูกกระดอนมาเข้ามา สโคลส์ เขาก็บรรจงยิงแต่บอลกลับไปชนซาฮา บอลเปลี่ยนทางออกข้างไป
ก่อนหมดเวลา 14 นาที มูรินโญ่ ก็ปรับเกมอีกครั้งโดยส่ง โจ โคล ลงเล่นแทน เชฟเชนโก้
จังหวะถัดมา แอชลี่ย์ โคล ก็ทำฟาล์ว โรนัลโด้ และทำให้เขาได้รับใบเหลือง หลังจากนั้น คริสเตียโน่ ก็มีอาการบาดเจ็บจึงเปลี่ยนตัวออกและส่ง ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ลงเล่นแทน พร้อมกับ จอห์น โอเชีย ลงเล่นแทน ซาฮา
แต่จนกระทั่งจบเกมก็ทำอะไรกับเพิ่มไม่ได้ เสมอกัน 1 – 1 แบ่งกันไปทีมละ 1 แต้ม ทำให้ระยะห่างระหว่างแมนฯ ยูไนเต็ดทีมจ่าฝูงและเชลซีทีมอันดับ 2 ยังคงห่างกันอยู่ 3 แต้มเท่าเดิม (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
แกรี่ เนวิลล์ 2
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
เนมานย่า วิดิช 15
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
ไมเคิล คาร์ริค 16 ( น. 55)
พอล สโคลส์ 18
ไรอัน กิ๊กส์ 11
เวย์น รูนี่ย์ 8
หลุยส์ ซาฮา 9 ( น. 29)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
ปาทริซ เอฟร่า 3
จอห์น โอเชีย 22 น. 86 หลุยส์ ซาฮา 9
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24 น. 86 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
เชลซี
คาร์โล คูดิชินี่ 23
ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 6 ( น. 69)
จอห์น เทอร์รี่ 26
แอชลี่ย์ โคล 3
เฌเรมี่ 14
มิคาเอล เอสเซียง 5
โคล้ด มาเกเลเล่ 4 ( น. 21)
มิเชล บัลลัค 13
แฟร้งค์ แลมพาร์ด 8
อังเดร เชฟเชนโก้ 7
ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 11 ( น. 36)
สำรอง
เฮนริเก้ ฮิลาริโอ 40
กาลิด บูลาห์รูซ 9
เปาโล เฟร์ไรร่า 20 น. 93 มิเชล บัลลัค 13
โจ โคล 10 ( น. 85) น. 75 อังเดร เชฟเชนโก้ 7
อาร์เยน ร็อบเบน 16 น. 46 เฌเรมี่ 14
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 3, โดนบล็อค 3, เตะมุม 3, ฟาวล์ 16, ใบเหลือง 1, การครองบอล 41.2%
เชลซี ประตู 1, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 8, เตะมุม 2, ฟาวล์ 14, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 3, การครองบอล 58.8%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เนมานย่า วิดิช 7, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, ไมเคิล คาร์ริค 7, พอล สโคลส์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 7, เวย์น รูนี่ย์ 7, หลุยส์ ซาฮา 8, จอห์น โอเชีย (สำรอง) 6, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ (สำรอง) 6
เชลซี คาร์โล คูดิชินี่ 6, ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ 8, จอห์น เทอร์รี่ 7, แอชลี่ย์ โคล 6, เฌเรมี่ 6, มิคาเอล เอสเซียง 6, โคล้ด มาเกเลเล่ 7, มิเชล บัลลัค 6, แฟร้งค์ แลมพาร์ด 7, อังเดร เชฟเชนโก้ 5, ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา 6, เปาโล เฟร์ไรร่า (สำรอง) 6, โจ โคล (สำรอง) 6, อาร์เยน ร็อบเบน (สำรอง) 6
Por